
วิธีกำจัดสิวเสี้ยนให้หน้าเนียน ง่ายๆ
สิวเสี้ยนมักพบบริเวณปลายจมูก และแก้ม จะเห็นเป็นจุดดำ ๆ จำนวนมาก ซึ่งแท้จริงแล้ว
ก็คือไขมันที่หลุดออกมา รวมทั้งขนอ่อนที่ลอกตัว ถ้าลองบีบดูจะเห็นเป็นเส้นสีขาวเหมือนตัวหนอน
และหากส่องด้วยแว่นขยาย จะเห็นขนอ่อนจำนวนมาก ประมาณ 6-50 เส้น
สิวเสี้ยนเกิดได้อย่างไรสาเหตุของการเกิดสิวเสี้ยน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต่อมไขมันมีขนาดใหญ่
มีการผลิตไขมันออกมาสู่ผิวจำนวนมาก จึงเกิดการอุดตันในรูขุมขน และทำให้ขนอ่อนตกค้างในรูขุมขนด้วย
หนทางในการกำจัดสิวเสี้ยน1. การทายารักษาสิวเสี้ยนการทายาที่มีคุณสมบัติขจัดการอุดตัน
หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิวบริเวณรูขุมขน ยาที่ใช้จะอยู่ในกลุ่มของกรดวิตามินเอ
จำพวก ทริตินอล ( Trrtinol) หรือ เรตินเอ (Retin A ) ซึ่งนอกจากช่วยลดริ้วรอยแล้ว
ยังช่วยขจัดสิวเสี้ยนได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การใช้สารในกลุ่มวิตามินเอ ควรปรึกษาแพทย์
เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองแก่ผิวได้ และหากจะให้ผลจริง ๆ ก็มักใช้เวลาราว 2-3 เดือน2.
แผ่นลอกสิวเสี้ยนแผ่นลอกสิวเสี้ยน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ราคาไม่แพงนัก
แต่การใช้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะสารเคมีที่ใช้ อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ 3.
เลเซอร์กำจัดสิวเสี้ยนวิธีนี้จะใช้ได้ดีในกรณีของสิวเสี้ยนหัวดำ แต่ค่าบริการก็ค่อนข้างแพง4. มาสก์ผิวด้วยไข่ขาวเป็นวิธีที่เก๋า แต่ก็ช่วยให้สิวเสี้ยนลอกตัวออกมาได้มาก โดยทาไข่ขาวบาง ๆ ที่จมูกหรือข้างแก้ม แล้วนำกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว หรือกระดาษทิชชูคลี่ให้บาง แปะทับลงไป ปล่อยให้แห้ง แล้วจึงดึงออก จะมีสิวเสี้ยนหลุดติดออกมาด้วยการป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนคนผิวมัน มีโอกาสเกิดสิวเสี้ยนได้ง่าย เนื่องจากต่อมไขมันมีขนาดโต และมีปริมาณน้ำมัน ออกมาฉาบผิวค่อมข้างมาก จึงเกิดการอุดตันปิดปากรูขุมขนได้ง่าย การลดความมันของใบหน้า จึงช่วยป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนได้วิธีลดความมันของผิวหน้าและลดการอุดตันของรูขุมขน
1. เลือกใช้เครื่องสำอางที่ช่วยดูดซับความมันของผิว และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อเบา ชนิดโลชั่นจะเหมาะกว่าชนิดครีม และ
ใช้ในปริมาณเพียงน้อย จะช่วยลดการอุดตันบริเวณรูขุมขน
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA ซึ่งช่วยผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่ตกค้างออก และลดการเกิดสิวเสี้ยนได้
3. เครื่องสำอางหลายยี่ห้อ มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ จำพวกเรตินอล ซึ่งนอกจากจะช่วยต่อต้านริ้วรอยแล้ว ยังช่วยเร่งผลัดการเปลี่ยนเซลล์ผิวด้วย แต่ข้อเสียก็คือ อาจเกิดการแพ้ได้ง่าย จึงอาจเลือกใช้วันเว้นวัน และควรทาตอนผิวแห้งสนิท เนื่องจากปฎิกิริยาระหว่างกรดวิตามินเอกับน้ำ อาจทำให้ผิวลอกตัวมากขึ้น
4. การซับหน้าในระหว่างวัน โดยใช้กระดาษซับหน้า กดซับความมันที่ผิวออก ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดความมันของผิวได้เช่นกัน
5. การอบไอน้ำให้กับผิว ช่วยทำความสะอาดผิวหน้า ลดสิ่งคั่งค้างบนผิวได้ดี เหมาะกับคนผิวมัน ทำสัปดาห์ละครั้ง